วันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ส.ค.ส. กับวันขึ้นปีใหม่



ส.ค.ส. พระราชทาน เป็นบัตรส่งความสุข ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประดิษฐ์ขึ้นด้วยพระองค์เอง เพื่อพระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทย เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ เป็นประจำทุกปี

ส.ค.ส. พระราชทาน ประจำปี 2556 เป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฉลองพระองค์เชิ้ตลำลองสีฟ้า มีลายเส้นสีชมพูและสีฟ้าฟ้าเข้มพาดตัดกัน พระสนับเพลาสีดำ และฉลองพระบาทสีดำประทับบนพระเก้าอี้ ด้านขวาของพระเก้าอี้ที่ประทับ มีโต๊ะกลม วางพระบรมฉายาลักษณ์ครอบครัว และเชิงเทียนแก้ว ทรงฉายกับสุนัขทรงเลี้ยง คือ คุณทองแดงที่ทรงเลี้ยงมาตั้งแต่ปี 2541 สวมเสื้อสีทอง หมอบอยู่แทบพระบาทด้านขวา และคุณมะลิ แม่เลี้ยงคุณทองแดง สวมเสื้อสีทอง


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทาน ส.ค.ส.ปีพุทธศักราช 2556 แก่ประชาชนชาวไทย พระบรมฉายาลักษณ์ทรงฉายกับสุนัขทรงเลี้ยงคุณทองแดง-คุณมะลิแม่เลี้ยงคุณทอง แดง ทรงพระราชทานความว่า ความเมตตาเป็นคุณธรรมนำความสุข ช่วยปลอบปลุกปรุงใจให้หรรษา ความกตัญญูรู้คุณผู้เมตตา ทวีค่าของน้ำใจไมตรีเอย


ส.ค.ส. ส่งความสุขปี 2556

ส.ค.ส. ย่อมาจาก ส่งความสุขปีใหม่ ลักษณะเป็นบัตรอวยพรที่ส่งให้กันเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่สมัยก่อนชาวไทยนิยมส่งถึงกันเป็นจำนวนมาก ทำให้ในช่วงปีใหม่ไปรษณีย์ จะต้องมีภาระของการส่ง ส.ค.ส. จำนวนมาก แต่ในปัจจุบันเริ่มมีการส่ง ส.ค.ส.อิเล็คทรอนิคส์ ทางอินเทอร์เน็ตกันบ้าง
ส.ค.ส.แผ่นแรกของไทยเริ่มใน พ.ศ. 2409 สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าให้ทำขึ้นเพื่อพระราชทานคณะทูตานุทูต ข้าราชบริพาร และมิตรสหายชาวต่างประเทศ เนื่องในวาระวันขึ้นปีใหม่สากล เมื่อวันจันทร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2409
ปัจจุบันในแต่ละปีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จะทรงมอบส.ค.ส. พระราชทานให้กับชาวไทยทั้งประเทศ
อ้างอิงจาก…. วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วันขึ้นปีใหม่
ความหมายของ วันขึ้นปีใหม่

         
ความหมายของวันขึ้นปีใหม่ ตามพจนานุกรม ฉบับราชตบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายของคำว่า " ปี" ไว้ดังนี้ ปี หมายถึง เวลา ชั่วโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ครั้งหนึ่งราว 365 วัน : เวลา 12 เดือนตามสุริยคติ หรือเป็นเรื่องของวันเดือนหมุนเวียนมาบรรจบครบรอบ ๓๖๕ วัน (๑) หรือ ๑๒ เดือน ซึ่งสมมติกันว่าปีหนึ่งหมดไป ขึ้นวันเดือนใหม่ของอีกปีหนึ่ง ก็เรียกกันว่าปีใหม่ แล้วเปลี่ยนนักษัตรประจำปีใหม่เป็น ชวด ฉลู ขาล เถาะ เป็นต้น และเปลี่ยนพุทธศักราช (พ.ศ.) ใหม่
ประวัติความเป็นมา 
          วันปีใหม่ (อังกฤษ: new year) มีประวัติความเป็นมาซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยและความเหมาะสม ตั้งแต่ในสมัยเริ่มแรกเมื่อชาวบาบิโลเนียเริ่มคิดค้นการใช้ปฏิทิน โดยอาศัยระยะต่าง ๆ ของดวงจันทร์เป็นหลักในการนับ เมื่อครบ 12 เดือน ก็กำหนดว่าเป็น 1 ปี และเพื่อให้เกิดความพอดีระหว่างการนับปีตามปฏิทินกับปีตามฤดูกาล จึงได้เพิ่มเดือนเข้าไปอีก 1 เดือน เป็น 13 เดือนในทุก 4 ปี
ต่อมาชาวอียิปต์ กรีก และชาวเซมิติค ได้นำปฏิทินของชาวบาบิโลเนียมาดัดแปลงแก้ไข อีกหลายคราวเพื่อให้ตรงกับฤดูกาลมากยิ่งขึ้นจนถึงสมัยของกษัตริย์จูเลียต ซีซาร์ ได้นำความคิดของนักดาราศาสตร์ชาวอียิปต์ชื่อ โยซิเยนิส มาปรับปรุง ให้ปีหนึ่งมี 365 วัน ในทุก ๆ 4 ปี ให้เติมเดือนที่มี 28 วัน เพิ่มขึ้นอีก 1 วัน เป็น 29 วัน คือเดือนกุมภาพันธ์ เรียกว่า ปีอธิกสุรทิน
เมื่อเพิ่มในเดือนกุมภาพันธ์มี 29 วันในทุก ๆ 4 ปี แต่วันในปฏิทินก็ยังไม่ค่อยตรงกับฤดูกาลนัก คือเวลาในปฏิทินยาวกว่าปีตามฤดูกาล เป็นเหตุให้ฤดูกาลมาถึงก่อนวันในปฏิทิน
และในวันที่ 21 มีนาคมตามปีปฏิทินของทุก ๆ ปี จะเป็นช่วงที่มีเวลากลางวันและกลางคืนเท่ากัน คือเป็นวันที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นตรงทิศตะวันออก และลับลงตรงทิศตะวันตกเป๋ง วันนี้ทั่วโลกจึงมีช่วงเวลาเท่ากับ 12 ชั่วโมง เท่ากัน เรียกว่า วันวสันตวิษุวัติ หรือ วันทิวาราตรีเสมอภาคมีนาคม (Equinox in March)
แต่ในปี พ.ศ. 2125 วันวสันตวิษุวัติ กลับไปเกิดขึ้นในวันที่ 11 มีนาคม แทนที่จะเป็นวันที่ 21 มีนาคม ดังนั้น สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 13 จึงทำการปรับปรุงแก้ไขหักวันออกไป 10 วันจากปีปฏิทิน และให้วันหลังจากวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2125 แทนที่จะเป็นวันที่ 5 ตุลาคม ก็ให้เปลี่ยนเป็นวันที่ 15 ตุลาคมแทน (เฉพาะในปี 2125 นี้) ปฏิทินแบบใหม่นี้จึงเรียกว่า ปฏิทินเกรโกเรียน จากนั้นได้ปรับปรุงประกาศใช้วันที่ 1 มกราคม เป็นวันเริ่มต้นของปีเป็นต้นมา

ความเป็นมาของ วันขึ้นปีใหม่ไทย 
ในอดีต วันขึ้นปีใหม่ของไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงมาแล้ว 4 ครั้งคือ ครั้งแรกถือเอาวันแรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย เป็นวันขึ้นปีใหม่ซึ่ง ตรงกับเดือนมกราคม ครั้งที่ 2 กำหนดให้วันขึ้นปีใหม่ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ตามคติพราหมณ์ ซึ่งตรงกับเดือนเมษายน 
การกำหนดวันขึ้นปีใหม่ใน 2 ครั้งนี้ ถือเอาทางจันทรคติเป็นหลัก ต่อมาได้ถือเอาทางสุริยคติแทน โดยกำหนดให้วันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ ตั้งแต่ พ.ศ.2432 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่โดยเฉพาะตามชนบทยังคงยึดถือเอาวันสงกรานต์เป็น วันขึ้นปีใหม่อยู่ ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย ทางราชการเห็นว่าวันขึ้นปีใหม่วันที่ 1 เมษายน ไม่สู้จะมีการรื่นเริงอะไรมากนัก สมควรที่จะฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ จึงได้ประกาศให้มีงานรื่นเริงวันขึ้นปีใหม่ในวันที่ 1 เมษายน 2477 ขึ้นใน กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก


การจัดงานวันขึ้นปีใหม่ที่ได้เริ่มเมื่อวันที่ 1 เมษายน ได้แพร่หลายออกไปต่างจังหวัดในปีต่อๆมา และในปี พ.ศ.2479 ก็ได้มีการ จัดงานรื่นเริงปีใหม่ทั่วทุกจังหวัด วันขึ้นปีใหม่วันที่ 1 เมษายน ในสมัยนั้นทางราชการเรียกว่า
วันตรุษสงกรานต์

ต่อมาได้มีการพิจารณาเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยคณะรัฐมนตรีได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้น ซึ่งมีหลวงวิจิตรวาทการ เป็นประธานกรรมการ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ 1 มกราคม โดยกำหนดให้วันที่ 1 มกราคม 2484 เป็น วันขึ้นปีใหม่เป็นต้นไป

เหตุผลที่ทางราชการได้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่จากวันที่ 1 เมษายนมาเป็นวันที่ 1 มกราคม ก็คือ 
1. ไม่ขัดกับพุทธศาสนาในด้านการนับวัน เดือน และการร่วมฉลองปีใหม่ด้วยการทำบุญ 
2. เป็นการเลิกวิธีนำเอาลัทธิพราหมณ์มาคร่อมพระพุทธศาสนา 
3. ทำให้เข้าสู่ระดับสากลที่ใช้อยู่ในประเทศทั่วโลก 
4. เป็นการฟื้นฟูวัฒนธรรม คตินิยม และจารีตประเพณีของชาติไทย
 

กิจกรรมใน วันขึ้นปีใหม่
          วันที่ 1 มกราคม ของทุกปี กิจกรรมที่ชาวไทยส่วนใหญ่มักจะยึดถือปฏิบัติในวันขึ้นปีใหม่
1. การทำบุญตักบาตร จะมีการทำบุญตักบาตรและอุทิศส่วนกุศลผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ฟังเทศน์ ถือศีล ปฏิบัติธรรม หรือฟังพระธรรมเทศนา ปล่อยปลา ปล่อยนก โดยอาจตักบาตรที่บ้าน หรือไปที่วัดหรือตามสถานที่ต่างๆที่ทางราชการเชิญชวนไปร่วมทำบุญ และสรงน้ำพระพุทธรูป เพื่อให้จิตใจสดชื่นแจ่มใสเบิกบาน ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่
2. การกราบขอพรจากผู้ใหญ่ และอวยพรเพื่อนฝูง มอบของขวัญ มอบช่อดอกไม้ หรือการส่งบัตรอวยพร 
3. การจัดงานรื่นเริง การจัดเลี้ยงในหมู่เพื่อนฝูง ญาติพี่น้องหรือตามหน่วยงานต่างๆ 
4. เตรียมเก็บกวาดทำความสะอาดบ้าน และที่พักอาศัย ประดับธงชาติ

คติข้อคิดในวันขึ้นปีใหม่  
         เมื่อวันเวลาผันเปลี่ยนเวียนไปครบ 1 ปี เราได้อยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงวันขึ้นปีใหม่ ขอให้ลองมองย้อนหลังกลับไปคิดพิจารณาดูว่า วันเวลาที่ผ่านมานั้นเราได้ใช้มันอย่างคุ้มค่าหรือเปล่า และได้กระทำคุณงามความดีอันใดไว้บ้าง และควรหาโอกาสกระทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นทุกปี ในขณะเดียวกันเราได้กระทำความผิดหรือสิ่งใดที่ไม่ถูกต้องไว้หรือไม่ หากมีต้องรีบปรับปรุงแก้ไขตัวเอง หากมีเรื่องบาดหมางหรือขุ่นเคืองกับผู้ใด ในวันนี้ควรถือโอกาสให้อภัยซึ่งกันและกัน เริ่มสานความสัมพันธ์ให้กลับมาเริ่มต้นใหม่ด้วยดี
ความเชื่อวันปีใหม่ 
ในทุกเทศกาลปีใหม่ที่เวียนมาถึงประชาชนหลากหลายเชื้อชาติต่างก็มีความเชื่อแตกต่างกันไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆในวันขึ้นปีใหม่นี้ เช่น
          ชาวโรมันและชาวเยอรมันโบราณ ถือว่าวันขึ้นปีใหม่เป็นเวลาที่พวกเขาได้สลัดปีเก่าทิ้งไปแล้วรับเอาแต่สิ่งดีๆ ที่จะบังเกิดขึ้นในวันปีใหม่ไว้แทนที่ ส่วนชาวอิหร่าน มีความเชื่อว่าวันปีใหม่เป็นเวลาแห่งหารเกิดของสรรพสิ่งทั้งหลาย เป็นสมัยแห่งการฉลองชัยของสุริยเทพ ธรรมชาติ รวมไปถึงมวลมนุษยชาติ
          ชาวซูลู (ในทวีปแอฟริกา) ต่างก็มีประเพณีเกี่ยวกับวันปีใหม่นี้เช่นกัน ซึ่งเมื่อถึงวันนี้พวกเขาจะกินผลไม้ที่ออกผลเป็นครั้งแรก และพวกผู้ชายจะกลืนกินเนื้อวัวสดๆ ซึ่งเป็นเครื่องแสดงถึงความแข็งแรงและอุดมสมบูรณ์ในระหว่างปีที่จะมาถึง ขณะที่ชาวอังกฤษโบราณ เมื่อวันนี้มาถึงต่างก็พร้อมใจกันทำความสะอาดปล่องไฟเตรียมไว้ต้อนรับโชคลาภที่จะมาถึงในวันปีใหม่ โดยมีความเชื่อว่าจะลงมาทางปล่องไฟและจะคงอยู่ที่นั่นตลอดปี
          นอกจากนั้น ชาวญี่ปุ่นและชาวอินเดียนแดง ยังมีความเชื่อคล้ายๆกันอีกว่า จะเอาเสื้อผ้าเก่าๆไปทิ้งและจะสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ อีกทั้งทำความสะอาดบ้านเรือน เพื่อเป็นสิริมงคล ส่วนชาวลาตินอเมริกาจะไม่นิยมให้นาฬิกาเป็นของขวัญ เพราะหลีกเลี่ยงของขวัญที่เกี่ยวพันกับเลข 13 เป็นต้น
          สำหรับวันปีใหม่ของไทย มีความเชื่อมากมายและไม่ว่าจะเป็นการคิดถึงสิ่งดีๆ ทำสิ่งดีๆห้ามให้ของมีคมแก่กัน เพราะเชื่อว่าอาจเป็นลางร้ายก่อให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้ หรือแม้แต่ห้ามพูดจาหยาบคาย หรือด่าทอกันในวันนี้
เพลงวันปีใหม่ (เพลงพรปีใหม่ เพลงพระราชนิพนธ์ในหลวง) 

ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ


สวัสดีวันปีใหม่พา ให้บรรดาเราท่านรื่นรมย์
ฤกษ์ยามดีเปรมปรีดิ์ชื่นชม ต่างสุขสมนิยมยินดี
ข้าวิงวอนขอพรจากฟ้า ให้บรรดาปวงท่านสุขศรี
โปรดประทานพรโดยปรานี ให้ชาวไทยล้วนมีโชคชัย
ให้บรรดาปวงท่านสุขสันต์ ทุกวันทุกคืนชื่นชมให้สมฤทัย
ให้รุ่งเรืองในวันปีใหม่ ผองชาวไทยจงสวัสดี
ตลอดปีจงมีสุขใจ ตลอดไปนับแต่บัดนี้
ให้สิ้นทุกข์สุขเกษมเปรมปรีดิ์ สวัสดีวันปีใหม่เทอญ
ที่มา
http://th.wikipedia.org

        ฉะนั้นสำหรับวันขึ้นปีใหม่นี้ พ.ศ. 2556 ฝ้ายก็ขอส่งความสุขให้แก่ท่านดังนี้ค่ะ

          แล้วขอให้ทุกท่านจงเริ่มต้นชีวิตใหม่...กับปีใหม่ 2556 อย่างมีความสุขนะคะ

สำหรับใครที่ต้องการเข้าเยี่ยมชม website ส่วนตัวของฝ้าย สามารถคลิ๊กที่รูป Logo Global Rich Club ด้านล่างนี้และถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถกรอกรายละเอียดส่วนตัวในช่องว่างด้านซ้ายมือนะคะ

===================================================

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจในธุรกิจ
 GlobalRich Club ฝ้ายขอแนะนำให้ศึกษาในหัวข้อต่อไปนี้ค่ะ



วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2555

วิธีการทำงานของเรา TTipTop


วันนี้ ฝ้ายอยากมาบอกกล่าวถึงวิธีการทำงานของโกลบอล ริช คลับประเทศไทย (TTipTop) ว่ามีอะไรบ้าง? เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้ใช้เป็นแนวทางการทำตัดสินใจและมีความมั่นใจว่าจะสามารถทำธุรกิจตัวนี้ได้ แน่นอน เพียงแต่ขอให้ท่านมีความตั้งใจจริงในการทำงานเท่านั้น ซึ่งเพื่อนจะเห็นว่าธุรกิจเครือข่ายแบบเก่านั้นมีติดภาพลบมานาน ด้วยวิธีการทำงานที่มักจะสร้างความอึดอัดใจให้คนรอบข้างอยู่บ่อยๆ และชอบทำให้ผู้ที่สนใจในธุรกิจคิดว่าเป็นธุรกิจที่ทำง่าย แต่ปรากฏว่าพอได้เข้าไปสัมผัสแล้วกลายเป็นเรื่องไม่สามารถทำได้จริง จะดีไหมที่วันนี้ฝ้ายขอมาสร้างมุมมองใหม่ให้กับธุรกิจเครือข่าย สร้างความเข้าใจบนพื้นฐานของความเป็นจริง ปลูกฝังวิธีการทำงานที่ไม่เอารัดเอาเปรียบ และเข้าใจถึงความต้องการของกลุ่มผุ้มุ่งหวังอย่างแท้จริง  ที่ผ่านมาเพื่อน ๆ คงจะสงสัยกันใช่ไหมคะ และมีคำถามคิดอยู่ในใจว่า
...... แล้วเราจะทำงานอย่างไรหล่ะ ? จะทำได้จริงหรือเปล่าหล่ะ?
สมัยนี้เทคโนโลยี เอื้อต่อการทำธุรกิจเครือข่ายมากขึ้น วันนี้ฝ้ายขอพูดถึงเรื่องของ "อินเตอร์เน็ท" ซึ่ง เป็นสื่อหรือตัวกลางที่สามารถเชื่อมโยงความต้องการซื้อ และความต้องการขายให้เดินทางมาเจอกันได้อย่างพอดิบพอดี อย่าได้รอช้าเรามาดูวิธีการกันดีกว่าค่ะ
1.การเขียนบล็อก ซึ่งเปรียบเสมือนมีสำนักพิมพ์หรือหนังสือเป็นของตนเอง สมัยนี้มีนักประพันธ์เกิดขึ้นมากมายบนอินเตอร์ ดังนั้น !! เผยแพร่ข้อมูล ธุรกิจที่คุณทำ หรือสิ่งที่คุณสนใจออกไปให้เต็มที่
2.การสร้างเว็บไซต์ สมัย นี้การสร้างเว็บไซต์ง่ายเสียยิ่งกว่าพลิกผ่ามือค่ะ สร้างหน้าร้านของเราไว้ต้อนรับแขก หน้าร้านของเราบนอินเตอร์เน็ทนี่แหละทำเลดีที่สุดแล้ว !!
 3.การสร้างวิดีโอ เหมือนมีช่องทีวีเป็นของตนเอง และทำให้ผู้ที่สนใจเข้าถึงความเป็นตัวเราได้มากขึ้น
 4.การทำ SEO เป็นการทำให้แบรนด์สินค้าหรือตัวคุณเองเป็นที่รู้จัก ให้ติดอันดับของ search engine ของ Google ซึ่งจะนำมาสู่ยอดขาย และการดูแลลูกค้าได้อย่างใกล้ชิดมากขึ้น
 5.การตกแต่งภาพ มีอาชีพเกิดขึ้นมากมายจากการแต่งภาพ ทำกราฟฟิกดีไซน์ ทำป้ายโฆษณา
 6.การใช้ Fan Page บน Facebook ณ.เวลานี้ Facebook นั้น "เกือบจะ" รวมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ด้วยกัน เป็นทั้งร้านค้าออนไลน์ ทั้งการทำการตลาด การดูแลฐานลูกค้า มีเว็บบอร์ด สร้างกิจกรรม ประชาสัมพันธ์งานต่างๆ ให้กับองค์กรและธุรกิจของตนเองได้ฟรี !! ใครที่พลาดการดึงประสิทธิภาพจากเฟซบุ๊ค ต่อไปจะแข่งกับผู้อยู่ในธุรกิจเดียวกันได้ยากมาก อย่าได้มองข้ามเชียว
 7.การสร้างแบรนด์ตนเอง เมื่อคุณมี "ผลงาน" บนโลกออนไลน์ คุณไม่จำเป็นต้องขายอะไรหรอก คุณก็ขายตัวคุณนั่นแหล่ะ
 ที่สำคัญที่สุด หยุด !! "Tag" ชื่อ ผู้อื่นลงบนรูปโฆษณา สินค้าและบริการ ...ซึ่งเราทุกคนต่างก็รู้ ว่าสร้างความรำคาญให้ผู้อื่น ไม่มีผลตอบรับกลับมา หรือมีก็น้อยมาก ในเมื่อวันนี้มีทักษะการตลาดออนไลน์อีกมากมายให้เราได้เลือก
 
ฝ้ายเชื่อว่าคงมีเพื่อน ๆ ไม่น้อยเลยแหละที่อ่านมาถึงตรงนี้ก็ยังคิดอยู่ว่าแล้วเราจะทำได้ไหมและ อีกอย่างคงมีไม่น้อยเลยที่คิดว่าอ่านมาก็ยัง งง งง อยู่ว่ามันคือ อะไร ไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจเลย (สำหรับคนที่ไม่เก่งคอมพิวเตอร์) ฝ้ายขอบอกกับทุกท่านว่าไม่ต้องกล้วนะคะว่าจะทำไม่ได้ ฝ้ายคิดว่าในตอนแรกเพื่อนสมาชิกเกือบจะทุกท่านแหละค่ะที่ทำไม่เป็นต้องมา นั่งนับ 0 เริ่ม ต้นตั้งแต่แรกเหมือน ๆ กันหมด ซึ่งแต่ละคนอาจจะใช้เวลาศึกษาที่แตกต่างกันไป แต่เชื่อว่าด้วยระบบของเรา TTipTop ในส่วนรายละเอียดวิธีการทำงานนั้น ทุกท่านที่สมัครเป็นสมาชิก TTipTop สามารถจะเรียนรู้และทำมันได้สำเร็จแน่นอนค่ะ ขอเพียงให้เรามีความตั้งใจจริงที่พร้อมจะศึกษาและลงมือทำเท่านั้นนะคะ ฝ้ายเชื่อว่าอีกหน่อยก็จะเป็นมืออาชีพไปเองค่ะ เหมือนอย่างฝ้ายและเพื่อนสมาชิกทั้งหลาย  


"มาใช้สื่อให้เป็นประโยชน์กันดีกว่า"
ทักษะพวกนี้เมื่อท่านเป็นสมาชิกท่านสามารถศึกษาเรียนรู้ได้ฟรีค่ะ !! 
ทางเรามีสอนให้แก่สมาชิกฟรี ๆ ผ่านอินเตอร์เน็ตจากที่บ้านของท่านเองค่ะ
ขอเพียงให้ท่านเข้าเรียนรู้ท่านก็สามารถทำได้เหมือนคนอื่น ๆ ค่ะ

หลังจากที่ท่านได้รู้วิธีการทำงานไปแล้ว หวังว่าข้อมูลที่ฝ้ายให้ไปคงพอเป็นข้อมูลเพื่อใช้ในการตัดสินใจได้นะคะ

สำหรับใครที่ต้องการเข้าเยี่ยมชม website ส่วนตัวของฝ้าย สามารถคลิ๊กที่รูป Logo TTipTop ด้านล่างนี้และถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถกรอกรายละเอียดส่วนตัวในช่องว่างด้านซ้ายมือนะคะ  (กรณียังไม่เคยกรอกชื่อเข้ามา)
ฝ้ายสัญญาว่าจะนำเสนอเรื่องราวของ GlobalRich Club ในทุก ๆ เรื่องที่เป็นความจริงทั้งหมดค่ะ สามารถปรึกษาฝ้ายได้ที่
คุณฝ้าย (tfai)
Tel.  : 086-1927194

Facebook Fanpage : http://www.facebook.com/GRCtfai

===================================================

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจในธุรกิจ
 Global Rich Club ฝ้ายขอแนะนำให้ศึกษาในหัวข้อต่อไปนี้ค่ะ